
ยาแก้พิษไซยาไนด์ อันตราย! ต้องใช้ในการดูแลของแพทย์
ยาแก้พิษไซยาไนด์ หัวหน้าศูนย์พิษวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี เผยสารโซเดียมไทโอซัลเฟตแบบผลึกใสซื้อมาแก้พิษไซยาไนด์เองไม่ได้ยาต้องผ่านการฆ่าเชื้อ และบริสุทธิ์ใช้ในการดูแลของแพทย์
ความคืบหน้าคดีของ แอม ผู้ต้องหาคดีฆ่าผู้อื่นโดยไตร่ตรองไว้ก่อน จากกรณีการเสียชีวิตอย่างปริศนาหลายคดี รศ.วีรชัย พุทธวงศ์ หรือ อาจารย์อ๊อด อาจารย์ประจำภาควิชาเคมี คณะศิลปศาสตร์และวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ เปิดเผยกับทีมข่าวพีพีทีวีว่า ตำรวจส่งวัตถุพยานในคดีแอมจากหลายท้องที่ เช่น ราชบุรี กาญจนบุรี นครปฐม จำนวน 400 ตัวอย่าง มาที่ห้องปฏิบัติการ
ซึ่งขณะนี้ตรวจไปแล้ว 50 ตัวอย่าง ซึ่งผลตรวจเมื่อค่ำวานนี้ ผลการตรวจพบสารไซยาไนด์ จากตัวอย่างที่มีการสวอปบริเวณคอนโซลรถของแอม และสามีที่ใช้ร่วมกัน

ที่น่าสนใจคือ ในช่วงกลางดึกผลการตรวจหาสารที่เป็นก้อนผลึกใส ในกล่องไปรษณีย์ ที่มีการจ่าหน้าถึงแอม พบเป็นสารโซเดียมไทโอซัลเฟต ซึ่งช่วงที่เครื่องตรวจประมวลผลออกมา เป็นสารชนิดดังกล่าว ยอมรับว่า ไม่รู้ว่าเป็นสารอะไร เมื่อไปตรวจค้นพบข้อมูลเบื้องต้นว่า เป็นสารช่วยถอนพิษไซยาไนด์ และใช้ในการฆ่าเชื้อในสระน้ำ
ทีมข่าวพีพีทีวียังพูดคุย กับศ.นพ.วินัย วนานุกูล หัวหน้าศูนย์พิษวิทยา โรงพยาบาลรามาธิบดี ซึ่งอธิบายว่า สารโซเดียมไทโอซัลเฟต ในอดีตนำมาใช้ทารักษาโรคกลากเกลื้อน แต่อีกรูปแบบคือ นำมาช่วยถอนพิษสารไซยาไนด์ ในรูปแบบเป็นยาฉีด สารละลาย วิธีการใช้คือ ฉีดเข้าไปในหลอดเลือดดำ ซึ่งปัจจุบันในไทยมีสถานเสาวภาเป็นผู้ผลิต และมีการกระจายไปยังโรงพยาบาล ที่จะสำยาเหล่านี้สำรองไว้ สำหรับผู้ป่วยที่ได้รับสารไซยาไนด์โดยเฉพาะ

ส่วนที่พบว่า แอมมีการสั่งซื้อสารโซเดียมไทโอซัลเฟล แบบผลึกใส จนมีการสังเกตว่า จะนำมาใช้ถอนพิษไซยาไนด์ ประเด็นนี้ ศ.นพ.วินัย หัวหน้าศูนย์พิษวิทยา ระบุว่า การซื้อสารโซเดียมไทโอซัลเฟลมาทำละลายเอง เพื่อฉีดเข้าหลอดเลือดดำถอนพิษไซยาไนด์ ทำไม่ได้ และอันตรายอย่างมาก เพราะการฉีดยาทางหลอดเลือดดำต้องมีการฆ่าเชื้อ และยาต้องมีความบริสุทธิ์เพียงพอ รวมถึงการฉีดยาแต่ละโดสต้องมีปริมาณที่เหมาะสม น้อยไปอาจไม่ได้ผล และมากเกินไปก็อาจอันตราย จึงขอย้ำไม่ให้สังคมเกิดความเข้าใจผิด
ขอบคุณแหล่งที่มา : pptvhd36
อ่านข่าวต่อ : หน้าแรก